การยอมรับความผิดพลาดในอดีตของโจจินอูงทำให้ 'Signal 2' เสี่ยง

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นักแสดงโจจินอูงได้ยอมรับส่วนสำคัญของข้อกล่าวหาที่มีมายาวนานว่าเขาเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในวัยเยาว์
การเปิดเผยนี้กำลังสร้างเงาทับซ้อนให้กับละครที่มีการรอคอยอย่างสูงของ tvN 'Signal 2' ซึ่งมีกำหนดออกอากาศในปีหน้า โดยแฟน ๆ ที่รอคอยภาคต่อมาเกือบสิบปีต่างแสดงความผิดหวังและกังวลว่าซีรีส์นี้อาจได้รับความเสียหายอย่างมาก
ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นหลังจากการสนทนาสาธารณะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมที่ถูกกล่าวหาในอาชญากรรมวัยเยาว์ของโจ รวมถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายและการขับรถขณะเมา ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ชมจะยังสามารถเชื่อมโยงและดื่มด่ำกับตัวละครนักสืบที่มีหลักการและจริยธรรมที่เขาแสดงบนหน้าจอได้หรือไม่
แหล่งข่าวจากการผลิตรายงานถึงความกังวลอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากประวัติชีวิตจริงของนักแสดงขัดแย้งโดยตรงกับตัวละครที่เป็นที่รักอย่างลีแจฮัน ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการตอบรับจากผู้ชมและแผนการโปรโมต
หลังจากที่โจยอมรับส่วนหนึ่งของข้อกล่าวหา คอมเมนต์และวิดีโอเก่าที่มีนักแสดงปรากฏตัวเริ่มถูกแชร์อย่างกว้างขวางออนไลน์ โดยเฉพาะวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อเก้าปีก่อนในช่องทางการอย่างเป็นทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลี ก่อนการออกอากาศของ 'Signal' ฉบับดั้งเดิม ซึ่งกลายเป็นจุดที่ทำให้เกิดความโกรธในสาธารณะ
วิดีโอนี้มีชื่อว่า 'ไม่มีอาชญากรรมใดที่ควรถูกลืม' มีโจจินอูง, คิมฮเยซู และลีแจฮุน แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่ออาชญากรรม ในคลิปโจกล่าวว่า “เราต้องการความสนใจที่อบอุ่นจากคุณเพื่อให้เหยื่อไม่ต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป” การกลับมาของฟุตเทจนี้ทำให้เกิดการวิจารณ์ที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากข้อความนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับประวัติที่โจเพิ่งยอมรับ
ใน 'Signal' การแสดงของโจจินอูงในบทนักสืบลีแจฮันทำให้เขาได้รับการยกย่องในระดับชาติ ตัวละครนี้ถูกจดจำในฐานะที่มีความมั่นคงและมีศีลธรรม และได้กล่าวประโยคที่มีชื่อเสียงว่า “ไม่มีอาชญากรรมใดที่ควรถูกฝังหรือลืม”
การตามหาความยุติธรรมของลีแจฮันในคดีที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเอง ทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งรวมถึงความมุ่งมั่นของเขาในการแก้ไขคดีข่มขืนที่โรงเรียนมัธยมอินเจ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับโจได้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างนิยายและความเป็นจริง ขณะที่ตัวละครต่อสู้เพื่อความจริงโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นักแสดงกลับต้องเผชิญกับการวิจารณ์จากการให้คำอธิบายที่หลายคนมองว่าหลวม ๆ รวมถึงการอ้างว่าเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีก่อนนั้นยากที่จะชี้แจง ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกของการทรยศในหมู่แฟน ๆ ที่ติดตามมานาน
เมื่อความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ฉากสำคัญหลายฉากจากละครกำลังถูกนำกลับมาพิจารณา หนึ่งในช่วงเวลาที่ถูกแชร์บ่อยคือเมื่อลีแจฮันค้นพบว่าชายที่เขาจับกุมไม่ใช่ผู้กระทำผิดตัวจริง และตำรวจพยายามปกปิดคดีเพราะผู้ต้องสงสัยตัวจริงเป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ในระหว่างการส่งสัญญาณวิทยุกับพัคแฮยอง ที่รับบทโดยลีแจฮุน แจฮันถามว่า “ที่นั่นเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่า? ถ้าคุณมีเงินและความสัมพันธ์ คุณสามารถหลบหนีจากอะไรก็ได้หรือไม่? มันผ่านมา 20 ปีแล้ว อะไรบางอย่างต้องเปลี่ยนไป”
ฉากนี้เคยได้รับการชื่นชมในฐานะข้อความทางสังคมที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ในความขัดแย้งอย่างชัดเจนกับอดีตที่กลับมาของโจ โจเคยกล่าวในสัมภาษณ์ว่าประโยคนี้ทำให้เขาตัดสินใจรับบทนี้ เขากล่าวว่า “ฉันต้องการพูดประโยคนี้ด้วยเสียงของตัวเอง” คอมเมนต์นี้ได้กลับมาออนไลน์อีกครั้ง ทำให้เกิดความไม่พอใจในสาธารณะ
การตอบโต้ในตอนนี้ส่งผลกระทบมากกว่าตัวโจเอง นักแสดงร่วมคิมฮเยซูและลีแจฮุน ที่ทั้งคู่ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นและมีความหวังสูงสำหรับภาคต่อที่รอคอยมานาน ตอนนี้ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ไม่คาดคิด ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมตั้งข้อสังเกตว่าความขัดแย้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการโปรโมตและอาจมีอิทธิพลต่อกำหนดการออกอากาศของละคร
สำหรับแฟน ๆ ที่รอคอย 'Signal 2' มานานเกือบสิบปี สถานการณ์นี้ถือว่าน่าผิดหวังเป็นพิเศษ หลายคนกลัวว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับนักแสดงนำจะบดบังผลงานเองและอาจคุกคามการออกอากาศของมัน